ความยากลำบาก ≠ ความผิดปกติ ในการบูรณาการประสาทรับความรู้สึก
- Kannapat Chotsittiwat., OTRL

- 6 ม.ค.
- ยาว 1 นาที
Authorized by ครูรัน / OTRL
Perspective OT : มุมมองนักกิจกรรมบำบัด

วันนี้ Perspective OT
จะมาชวนผู้ปกครองสังเกตการเล่นของลูก
เพื่อวิเคราะห์ความสามารถใน
การบูรณาการประสาทรับความรู้สึก
มาลองแยกแยะ
ความยากลำบาก กับ ความผิดปกติ
การบูรณาการประสาทรับความรู้สึก
ออกจากกัน แยกจากกันยังไงทำความเข้าใจ
ไปด้วยกันครับ
ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็กเล็กก้าวสู่วัยรุ่น หรือว่าในวัยผู้ใหญ่ เราต่างก็มีความชอบในการรู้ทางความรู้สึกในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะการสัมผัสการทรงตัวการทรงท่า หรือแม้กระทั่งการดมกลิ่น ที่มีมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกในระหว่างวัน เราเติบโตและเรียนรู้ตลอดเวลา ว่าเราชอบการรับความรู้สึกแบบไหนที่จะปลุกให้เราตื่นตัว ชอบการรับความรู้สึกแบบไหนที่จะทำให้รู้สึกสงบ และผ่อนคลาย รวมไปถึงความชอบในการเลือกเสื้อผ้า เนื้อผ้าแบบไหนทำให้เรารู้สึกใส่แล้วสบาย การออกกำลังกายแบบไหนที่เราชอบทำได้นานและการฟังเพลงประเภทไหนที่เรารู้สึกดื่มด่ำไปกับอารมณ์ของเพลง บางคนอาจจะชอบผ้าห่มหนาหนาขนาดนอนหลับ แต่บางคนชอบที่จะปูที่นอนบางบาง และห้อยขาลงข้างเตียง บางคนจะทำงานได้ดีเมื่อมีสภาพแวดล้อมเปิดเพลงเสียงดัง มีการเคลื่อนไหวระหว่างวัน แต่บางคนชอบความสงบความเงียบเงียบสนิทในการทำงาน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการบูรณาการประสาทรับความรู้สึกตั้งแต่เด็กวัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ เรามีความสามารถที่จะแยกแยะและปรับลดความไวต่อการรับรู้การสัมผัส จากสิ่งแวดล้อมได้จากประสบการณ์ตั้งแต่วัยเด็ก เราอาจจะไวแค่เสียงบางอย่าง อยู่ในที่แสงจ้านานๆ ไม่ไหวเหมือนวัยเด็กที่วิ่งชอบเล่นในสนามแสงจ้าๆ ลมแรงๆ

แต่ก็ใช่ว่าเราจะสามารถปรับระดับการรับความรู้สึกได้อย่างราบรื่บเสมอไป ในบางครั้งเราอาจจะตอบสนองไวต่อสิ่งแวดล้อมในวันที่เรานอนหลับน้อย หิวมากๆ หรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อวัน ร่างกายเราตอบสนอง ต่อสิ่งกระตุ้นเร้าทั้งภายใน และภายนอกร่างกาย เปลี่ยนแปลงไปอยู่ทุกๆวัน ลองจินตนาการเปรียบเทียบสถานการณ์ระหว่างสถานที่เงียบเงียบในสวนสาธารณะริมทะเลสาบ กับงานเลี้ยงปีใหม่ ฉลองพลุคอนเสิร์ตหน้าเวที สภาพแวดล้อมดังกล่าวเป็นปัจจัยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ใหญ่บางคนไม่สามารถอยู่ในสถานการณ์นั้นนานๆ ได้พอได้รับการกระตุ้น การรับสัมผัสทางเสียงมากเกินไป


ในเด็กเล็กมีการเจริญเติบโตและพัฒนาระบบประสาทไม่เต็มที่เท่าผู้ใหญ่พวกเขาต้องการการรับความรู้สึกที่มีคุณภาพที่ดีพอ และมีความหลากหลาย ในวัยนี้จึงควรพาเล่น พาทำกิจกรรมเคลื่อนไหวมากกว่าการนั่งเล่นอยู่กับที่ การเล่นเพื่อสัมผัสพื้นผิวที่มีความแตกต่าง และในการเสริมทักษะการนั่งเล่นจดจ่อเพื่อส่งเสริมสมาธิเพียงช่วงสั้นๆ ของแต่ละกิจกรรม

วัยเด็กยังมีความชอบทางการรับสัมผัส และมีความไวต่อการรับสัมผัสร่วมด้วย ในส่วนของความไวในการรับสัมผัสของเล่น ผิวสัมผัสที่แตกต่างๆ อาจจะดูไม่เป็นปัญหา และไม่รบกวนการทำกิจวัตรในแต่ละวัน ในเด็กปกติจะเรียนรู้ และหาวิธีการปรับตัว (Adaptive Behavior) ต่อความไวต่อการรับความรู้สึกที่ไม่มากเกินไป ได้ด้วยตนเอง

ยกตัวอย่างในเด็กทั่วไปเมื่อมีความต้องการอยากเคลื่อนไหวพวกเขาจะเลือกกิจกรรมที่ตอบสนองความต้องการในการรับความรู้สึกทั้งภายในร่างกายและสิ่งแวดล้อมตัวอย่างเช่นเด็กที่ชอบแรงกด ผ่าน เอ็นและข้อต่อ อาจจะชอบนั่งเล่นในท่าที่นั่งทับขาตัวเองหรือเอาเท้าเกาะกับขอบเก้าอี้เพื่อรับความรู้สึกบริเวณขาหรือชอบซุกตัวกับพ่อแม่ หรือในเด็กที่ต้องการการรับรู้ทางการสัมผัสพวกเขามักจะชอบใช้มือของเขาสัมผัสสิ่งของรอบตัวบ่อยครั้ง เพื่อรับข้อมูลและบูรณาการการรับความรู้สึก ที่แตกต่างกันและเรียนรู้เพื่อตอบสนองต่อวัตถุที่ตนตนเองชื่นชอบเป็นพิเศษ เช่นการเล่นสกุชชี่ เล่นตัวต่อ วิ่งเล่นเพลย์กราวด์

และยังเรียนรู้วิธีเลี่ยงสิ่งเร้าทางการรับความรู้สึกที่สร้างความรำคาญให้กับตัวเองเช่นกระดาษทราย หนวดเคราของคุณพ่อ เด็กอาจจะเรียนรู้ เพื่อใช้ช้อนส้อมตักอาหารที่สัมผัสเหนียวเหนอะน่ะติดมือ หรือเลือกการเล่นชิงช้าแทนที่จะเลือกนั่งม้าหมุน ในเด็กบางคนอาจจะเลือกที่จะไม่นั่งใกล้กับเพื่อนมากเกินไป เวลาทำกิจกรรมกลุ่ม เพราะไม่อยากโดนแขนของเพื่อนมาสัมผัสร่างกายตัวเอง ซึ่งการรับความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยนี้ ทำให้พวกเขาเรียนรู้และจัดการกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ขยับตัวออกจากเพื่อนได้ แต่ก็ไม่กระทบต่อต่อทำให้การทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนในชั้นเรียน และการใช้ชีวิตประจำวัน

ความยากของความผิดปกติในการบูรณาการประสาทรับความรู้สึกในเด็ก
เมื่อเด็กมีความยากลำบากขั้นรุนแรง ในการประมวลผลการรับความรู้สึก อาจประสบปัญหาในการประมวลผลประสาทรับความรู้สึกในด้านต่างๆ การแยกแยะความรู้สึก และความผิดปกติในการวางแผนการเคลื่อนไหว เด็กอาจมีความทนทานต่อความเจ็บปวด มีความไวหรือช้าต่อการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ซับซ้อน รวมถึงความไวต่อการสวมใส่เสื้อผ้าที่เนื้อสัมผัสแตกต่างกันออกไป ถึงขั้นทำให้เกิดความยากลำบากต่อการทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนในชั้นเรียน การทำกิจวัตรประจำวันที่บ้านกับผู้ปกครอง ต้องหยุดชะงักลง หรือถึงขั้นมีปัญหาในการเรียนรู้อย่างรุนแรง กลายเป็นเด็กที่ดูมีปัญหาทางด้านพฤติกรรม เนื่องจากพื้นฐานของการเรียนรู้ไม่ได้รับการเติมเต็มประสบการณ์อย่างสมบูรณ์

ควรขอรับคำปรึกษาจากนักกิจกรรมบำบัดเพื่อประเมินการประมวลผลความสามารถในการบูรณาการประสาทรับความรู้สึก และวิธีการในการปรับความสมดุลของการบูรณาการประสาทความรู้สึกในระบบต่างๆ ที่ส่วนมากจะเกิดขึ้นและกระทบต่อกับเด็กที่มีภาวะออทิสติกร่วมด้วย ในความยากลำบากการปรับความสมดุลของระบบการบูรณาการประสาทรับความรู้สึก เพื่อปรับพฤติกรรม และการเรียนรู้ในชั้นเรียนร่วมกับเพื่อนและการทำกิจวัตรประจำวันร่วมกับผู้ปกครอง




ความคิดเห็น